19 มี.ค. 56 นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกระแสข่าวการขอสละสิทธิ์คืนเงินภาษีสรรพสามิตในโครงการรถคันแรกที่มีเข้ามากว่า 2,000 คัน ในขณะนี้ เนื่องจากไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขของโครงการ และบางส่วนไม่สามารถผ่อนชำระค่างวดได้ ว่า ยอดการขอสละสิทธิ์การเข้าโครงการดังกล่าวถือว่าเป็นตัวเลขที่ไม่ได้สูงมากจนทำให้น่าเป็นห่วง เมื่อเทียบกับอัตราส่วนของจำนวนรถยนต์ที่เข้าร่วมโครงการรถคันแรกทั้งสิ้น 1.25 ล้านคัน ซึ่งในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ตามปกติที่ไม่ใช่โครงการรถคันแรกก็มีสัดส่วนสูงกว่านี้ และมีส่วนที่มีปัญหาการยึดรถเกิดขึ้นเป็นธรรมดาอยู่แล้ว โดยเชื่อว่าผู้ซื้อรถคันแรกคงไม่ตั้งใจให้รถถูกยึด
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จึงกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามตัวเลขความสามารถในการชำระหนี้ค่างวดในการซื้อรถยนต์คันแรกของประชาชนอย่างใกล้ชิด และจะมีการแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อติดตามและป้องกันปัญหาดังกล่าวภายใน 2-3 เดือนหลังจากนี้ โดยจะมีตัวแทนจากกรมสรรพสามิต และกรมบัญชีกลางเข้าร่วมพิจารณาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อไป ซึ่งจะมีการพิจารณาเป็นกรณีๆ ไป เช่น อาจเกิดอุบัติเหตุ จนทำให้ผ่อนส่งไม่ไหว ก็ไม่ใช่ว่าพอเกิดปัญหาแล้วทางการจะส่งฟ้องร้องเรียกเงินคืนอย่างเดียว
นายทนุศักดิ์ กล่าวด้วยว่า โครงการรถคันแรกของรัฐบาลถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง สามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจจำนวนมาก จึงถือว่าความสำเร็จของโครงการได้เกิดขึ้นแล้ว และประชาชนส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมโครงการก็มีความสุข แต่มีในส่วนเล็กน้อยเท่านั้นที่ไม่สามารถผ่อนชำระได้ตามที่ตกลงกับผู้กู้ไว้ ซึ่งอาจจะเป็นเหตุเฉพาะส่วนบุคคล ก็ต้องหาทางแก้ไขเป็นรายๆ กันไป
"โดยภาพรวมผู้กู้ส่วนใหญ่ก็มีความเข้าใจและรับรู้ภาระที่จะมีขึ้นตลอดระยะเวลาของสัญญาในการซื้อรถอยู่แล้ว ซึ่งไม่สามารถนำเหตุมาอ้างว่าไม่สามารถชำระหนี้ได้ เพราะช่วงเวลาที่ตกลงทำสัญญาก็ทราบเงื่อนไขชัดเจน" นายทนุศักดิ์กล่าว
